สรุป 22 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศและไทยที่ยอดนิยม ปี 2565

สรุป 22 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศและไทยที่ยอดนิยม ปี 2565

สรุป 22 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศและไทยที่ยอดนิยม ปี 2565

รวมข้อมูลที่คุณควรรู้ในการเทรด Bitcoin ทั้งหลักการสำคัญก่อนลงทุน ไปจนถึงเว็บเทรด Bitcoin ในไทยและต่างประเทศกว่า 22 ราย พร้อมข้อมูลแบบจัดเต็ม อ่านบทความเลย! 

ในโลกการลงทุนยุคนี้ไม่มีอะไรเป็นกระแสร้อนแรงเท่าการเทรด Bitcoin ซึ่งเป็นหนึ่งใน Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัลอย่างแน่นอน นอกจาก Bitcoin จะเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกแล้ว ยังมีมูลค่าในตลาดสูงที่สุดด้วย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลความเสถียร มีความปลอดภัย เข้าถึงได้ง่ายและอีกมากมาย ทำให้นักลงทุนหลายๆ คนต่างสนใจที่จะลงทุน Bitcoin แต่คำถามที่พบเจอบ่อยสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่คือ เราจะซื้อ Bitcoin ยังไง? เทรดคริปโตที่ไหนดี? เลือกเว็บเทรด Bitcoin ไทยยังไง? ไปจนถึง Bitkub กับ Binance อันไหนดีกว่ากัน? เป็นต้น 

สรุป 22 เว็บเทรด Bitcoin ยอดนิยมของไทยและต่างประเทศในปี 2565
สรุป 22 เว็บเทรด Bitcoin ยอดนิยมของไทยและต่างประเทศในปี 2565

การศึกษาความรู้ก่อนลงทุน Bitcoin นั้นสำคัญมาก รวมถึงการเตรียมพร้อมแพลตฟอร์มการเทรดและแอพพลิเคชั่นต่างๆ นอกจากนี้สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ การเลือกเว็บเทรด Bitcoin คุณควรเลือกจากข้อมูลหลายๆ ด้าน ซึ่งบทความนี้ได้รวมข้อมูลที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเทรดคริปโต ตั้งแต่หลักการสำคัญก่อนซื้อ Bitcoin ไปจนถึงเว็บเทรด Bitcoin ในไทยและต่างประเทศมากกว่า 22 ราย พร้อมข้อมูลแบบจัดเต็ม ไปดูกันเลย! 

Key Takeaways

  • Cryptocurrency เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีระบบทำงานกระจายจากศูนย์กลาง โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการทำงาน ไม่ต้องดำเนินการผ่านสถาบันการเงินต่างๆ 
  • การเทรด Bitcoin นั้นน่าสนใจเนื่องจากเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกและได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากความเสถียรของเครือข่าย มีความปลอดภัย สามารถเข้าถึงได้ง่าย มีสภาพคล่องสูงเมื่อเทียบกับเหรียญคริปโตอื่นๆ 
  • วิธีการเตรียมตัวก่อนซื้อ Bitcoin ได้แก่ เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน Bitcoin ศึกษาการกระจายความเสี่ยง อย่าลืมเตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ เพื่อเปิดบัญชีธนาคารสำหรับการเทรด Bitcoin รวมถึงดาวน์โหลดแพลตฟอร์มและแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการเทรดให้เรียบร้อย 
  • การเลือกเว็บเทรด Bitcoin ให้เลือกเว็บที่ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต. มีค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการเทรดต่ำ รวมถึงมีการบริการลูกค้าที่ดี รองรับภาษาไทย สามารถฝากและถอนเงินได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว 
  • ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานจะทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลของเว็บเทรด Bitcoin ไทย ตลอดจนวางนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนา

ทำความรู้จักกับ Bitcoin 

ทำไมต้องเทรด Bitcoin? 

ก่อนจะรู้จักกับ Bitcoin ให้มากขึ้น เรามาดูกันว่า Cryptocurrency คืออะไรและมีความน่าสนใจอย่างไร แล้วอะไรทำให้ Bitcoin กลายเป็นคริปโตที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก  

“Cryptocurrency (คริปโตเคอร์เรนซี)” หรือ “สกุลเงินดิจิทัล” เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบหนึ่งซึ่งทำงานบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมาก โดยจะถูกเข้ารหัสและใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในการทำงาน นอกจากนี้ไม่ได้รวมเป็นศูนย์กลาง (Decentralized network) เหมือนสินทรัพย์การเงินอื่นๆ อย่างหุ้น หรือฟอเร็กซ์ที่ต้องดำเนินการผ่านสถาบันการเงินหรือรัฐบาล ทำให้มีความปลอดภัย ไม่สามารถปลอมแปลงหรือแทรกแซงโดยหน่วยงานอื่นๆ ได้ ซึ่งตั้งแต่ Cryptocurrency ถูกคิดค้นขึ้นมาก็มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2023 ตลาดคริปโตทั่วโลกจะสูงถึง 76.2 หมื่นล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม Cryptocurrency ถูกตั้งคำถามว่าอาจจะเป็น ‘ฟองสบู่’ เหมือนกับช่วง คลั่งทิวลิป (Tulip mania) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 17 เมื่อมีการตั้งราคาค้าขายทิวลิปสายพันธุ์ใหม่สูงผิดปกติจนถึงจุดสูงสุดก่อนที่ราคาจะตกฮวบลงมาอย่างฉับพลัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือปัจจุบันเทคโนโลยีมีวิวัฒนาการมากขึ้น และเครือข่ายกระจายอำนาจมีมูลค่ามากกว่าช่อดอกไม้ นอกจากนี้การมาถึงของ Metaverse จะทำให้เหรียญคริปโตถูกใช้ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในโลกเสมือนจริงกันอย่างแพร่หลาย และยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 

“Bitcoin (บิทคอยน์)” เป็น Cryptocurrency สกุลเงินแรกของโลก คิดค้นโดยบุคคลลึกลับที่เรียกตัวเองว่า Satoshi Nakamoto ในปี 2009 แม้จะมีการพัฒนา Cryptocurrency อื่น ๆ ตามมา เรียกว่า Altcoins จนปัจจุบันมีมากกว่า 10,000 สกุลเงิน เช่น Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Dogecoin (DOGE) เป็นต้น แต่ Bitcoin นั้นยังมีมูลค่าในตลาดสูงที่สุด โดยคิดเป็น 46.5% ของมูลค่า Cryptocurrency ทั้งหมดหรือประมาณ 33.2 พันล้านบาท เนื่องจากการเทรด Bitcoin นั้นมีความปลอดภัยกว่า ระบบเครือข่ายเสถียร นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงได้ง่าย และสภาพคล่องสูงเมื่อเทียบกับเหรียญอื่นๆ 

เช็คลิสต์สำคัญก่อนซื้อ Bitcoin 

อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง แม้ Bitcoin จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก อีกทั้งมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนการเทรด Bitcoin จึงเป็นสิ่งสำคัญ เราได้สรุปเช็คลิสต์สำคัญ 5 ข้อสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ดังนี้ 

ข้อ 1 เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน Bitcoin 

คุณควรให้เวลากับการเรียนรู้จากแหล่งต่างๆ อย่างเว็บเทรด Bitcoin ซึ่งจะมีการให้ความรู้กับนักลงทุน นอกจากนี้การเรียนรู้หัวข้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น ติดตามข่าวการเงิน, ข่าวเศรษฐกิจ เป็นต้น 

ข้อ 2 กระจายความเสี่ยงการลงทุน 

นอกจากศึกษาความรู้การเทรด Bitcoin แล้ว คุณควรศึกษาความเสี่ยงในการลงทุนด้วย เนื่องจากราคาของเหรียญคริปโตแกว่งขึ้นลงอย่างดุเดือด ดังนั้นจึงต้องเตรียมพร้อมรับความผันผวนที่จะตามมา 

ข้อ 3 เตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ 

ในการทำธุรกรรมกับเว็บเทรด Bitcoin คุณจะต้องเตรียมพร้อมเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันตัวตน ได้แก่ Passport, บัตรประจำตัวประชาชน และใบขับขี่รถยนต์ หรือตรวจสอบข้อมูลบนเว็บไซต์ 

ข้อ 4 เปิดบัญชีธนาคาร เตรียมแพลตฟอร์มการเทรดและแอพพลิเคชั่น 

เปิดบัญชีธนาคารสำหรับการเทรด Bitcoin และเตรียมเงินสำหรับลงทุนไว้โดยเฉพาะ นอกจากนี้แนะนำให้ดาวน์โหลดแพลตฟอร์มการเทรดและแอพพลิเคชั่นมือถือไว้ แล้วฝึกฝนการใช้งานให้คล่องแคล่ว   

ข้อ 5 เลือกเว็บเทรด Bitcoin 

การซื้อ Bitcoin หรือทำธุรกรรมใดๆ ก็ตามคุณจะต้องดำเนินการผ่านเว็บเทรด Bitcoin ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางและปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย สำหรับแนวทางการเลือกเว็บเทรด Bitcoin มีดังนี้ 

  • เลือกเว็บเทรด Bitcoinที่ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต. (SEC) 
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำ รวมถึงค่าธรรมเนียมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเทรดด้วย 
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าที่ดี รองรับภาษาไทย มีช่องทางการติดต่อหลากหลายและให้บริการ 24 ชั่วโมง 
  • ให้บริการ Volume ในการเทรดสูง เพราะจะมีสภาพคล่องสูง สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว
  • มีช่องทางฝากเงินหรือถอนเงินหลากหลายและรวดเร็ว 

ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะซื้อ Bitcoin ที่ไหน เรามาดูกันเลยว่ามีเว็บเทรด Bitcoin ใดบ้างที่รับความนิยมทั้งต่างประเทศและไทย 

รวมเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ 

เว็บเทรด Bitcoin สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ เว็บเทรด Bitcoin ด้วยตราสารอนุพันธ์ (CFD) ซึ่งจะเป็นการเก็งกำไรบนส่วนต่างของราคา Bitcoin โดยใช้สัญญาทางการเงิน ทำให้นักลงทุนจะไม่ได้เป็นเจ้าของเหรียญคริปโตโดยตรง และอีกประเภทคือ เว็บเทรด Bitcoin แบบตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) ทำหน้าที่เป็นเป็นตัวกลางซื้อขายเหรียญสกุลเงินดิจิทัล นักลงทุนจึงสามารถครอบครองเหรียญคริปโตได้ 

สำหรับเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศเรารวบรวมมา 18 เว็บด้วยกัน ได้แก่ 

1. Mitrade

Mitrade เป็นเว็บเทรด Bitcoin ด้วย CFD จากประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งในปี 2011 และเริ่มให้บริการในไทยเมื่อปี 2019 Mitrade อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงาน ASIC และ CIMA อีกทั้งยังมีมาตรการแยกเงินทุนของลูกค้า ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนมากมาย การันตีโดยรางวัลต่างๆ เช่น โบรกเกอร์ที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยมปี 2020 จาก FxDaily Info เป็นต้น Mitrade มีสินทรัพย์ให้เลือกเทรดหลากหลาย การเปิดบัญชีก็ทำได้สะดวกและรวดเร็ว โดยมีบริการบัญชีทดลอง อีกทั้งยังพัฒนาแพลตฟอร์มการเทรดของตัวเองที่ง่ายต่อการใช้งาน แต่มีประสิทธิภาพสูงด้วยเครื่องมือเทรดมากมาย

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ค่าเสปรดต่ำ ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากและถอน จะมีการใช้เลเวอเรจบางส่วน และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมข้ามคืน 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (RPL) 

ข้อดี: 

  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ค่าสเปรดต่ำ 
  • มีเลเวอเรจการเทรดที่ยืดหยุ่น สามารถปรับได้เป็น 1x/2x/5x/10x 
  • รองรับการใช้งานในประเทศไทย สามารถฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทยได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และมีฝ่ายดูแลลูกค้าคนไทยให้บริการ 24/5 
  • เทรดง่าย มีความปลอดภัยสูง ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ต่างเชื่อมั่น  

ข้อเสีย: 

  • ไม่มีระบบ Copy trade 
  • มีแพลตฟอร์มการเทรดให้เลือกน้อย 

2. Binance 

Binance เป็นเว็บเทรด Bitcoin แบบตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2017 ที่ฮ่องกง ปัจจุบันได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก โดยมีการดำเนินการธุรกรรมต่างๆ มากกว่า 1.4 ล้านรายการต่อวินาที ครอบคลุมทั่วโลก อีกทั้งยังรองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 500 สกุลเงิน และมี Binance Coin (BNB) เป็นสกุลเงินดิจิตอลของ Binance 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.1% ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนขึ้นกับแต่ละสกุลเงินดิจิทัล 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP), Cardano (ADA), Binance Coin (BNB) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • เป็นเว็บเทรด Bitcoin ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดและมีสภาพคล่องสูงมากที่สุดในโลก 
  • มีบริการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกหลากหลายและครอบคลุมความต้องการ 
  • มีค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำเพียง 0.1%
  • รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 500 สกุลเงิน  
  • เปิดให้บริการเทรด Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ตลอด 24/7 

ข้อเสีย: 

  • Binance ยกเลิกการบริการในไทยตั้งแต่ 19 พ.ย. 64 หลังจากถูกก.ล.ต.สั่งห้าม 
  • ไม่สามารถใช้เงินบาทเพื่อซื้อ Bitcoin ได้โดยตรง 
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์หรือมีความรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลแล้ว 
  • ยังไม่สนับสนุนการทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคารในไทยมากเท่ากับเว็บเทรด Bitcoin สัญชาติไทย

3. Huobi

Huobi เป็นเว็บเทรด Bitcoin แบบตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) ก่อตั้งในปี 2013 ที่ประเทศจีน ก่อนจดทะเบียนต่อในฮ่องกง และได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต.ไทยแล้ว Huobi เป็นอีกเว็บเทรด Bitcoin หนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงรองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 327 สกุลเงิน 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.25% ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนคือ 15 บาท 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP), Tether (USDT), Ethereum Classic (ETC) เป็นต้น  

ข้อดี: 

  • ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต. 
  • ให้บริการเทรดสกุลเงินดิจิทัลกว่า 327 สกุลตลอด 24/7 และสามารถเทรดได้ด้วยเงินบาท 
  • ค่าธรรมเนียมในการถอนเงินผ่านธนาคารในไทยต่ำกว่าเว็บเทรด Bitcoin อื่นๆ 
  • นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของเหรียญคริปโต โอน ย้าย หรือฝากเพื่อสร้างผลกำไรได้ 
  • แพลตฟอร์มการเทรดใช้งานได้ง่าย 

ข้อเสีย: 

  • ขั้นตอนการเปิดบัญชีค่อนข้างซับซ้อน 
  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขายสูงกว่าคู่แข่งหลายราย คิดเป็น 0.25% ของมูลค่าการซื้อขาย
  • ยังไม่สามารถถอนเงินแบบทันทีได้  

4. XM

XM เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการการเทรดฟอเร็กซ์และ CFD ก่อตั้งในปี 2009 ปัจจุบันมีลูกค้าจำนวนมากกว่า 2.5 ล้านคนใน 197 ประเทศทั่วโลก จึงมีความน่าเชื่อถือและได้รับความนิยมมากในประเทศไทย โบรกเกอร์อยู่ภายใต้การควบคุมจากหน่วยงานหลายๆ แห่ง ได้แก่ ASIC, CySec, FCA และ IFSC อีกทั้งยังมีมาตรการป้องบัญชีลูกค้า นอกจากนี้ XM ยังรองรับภาษาไทย และมีฝ่ายดูแลลูกค้าที่ดีเยี่ยม

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชี Standard 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • มีโปรโมชั่นเยอะ เช่น แจกโบนัส $30 แบบไม่ต้องฝากเงินสำหรับเปิดบัญชีครั้งแรก
  • ฝ่ายบริการดูแลยอดเยี่ยม และรองรับภาษาไทย 
  • มีแพลตฟอร์มการเทรดหลากหลาย ใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมีแอพพลิเคชั่นมือถือ 
  • เลเวอร์เรจการเทรดสูง 

ข้อเสีย: 

  • ไม่มีระบบ Copy Trade 
  • ค่าสเปรดอยู่ในระดับกลางๆ  

5. eToro

eToro เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์เทรดฟอเร็กซ์และ CFD ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 ที่สหราชอาณาจักร ปัจจุบันมีผู้ใช้มากกว่า 17 ล้านคนจาก 100 ประเทศทั่วโลก อยู่ภายใต้การควบคุมของ ASIC, FCA และ CySEC โบรกเกอร์ให้บริการสินทรัพย์มากถึง 2,000 รายการ มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม CopyTrader ที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถคัดลอกการเทรดและพอร์ตการลงทุนของเทรดเดอร์คนอื่นๆ ได้ 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการถอนเงินและอื่นๆ 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP), Dash (DASH), Cardano (ADA), Stellar (XLM) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • แพลตฟอร์มโซเซียลเทรดดิ้งมีฟีเจอร์มากมาย ใช้งานง่าย 
  • มีชุมชนสนับสนุนการเทรดสกุลเงินดิจิทัล 
  • ขั้นต่ำของเทรดต่อครั้งน้อย และมีเลเวอเรจสูง 

ข้อเสีย: 

  • ให้บริการเทรดดิ้งแพลตฟอร์มน้อย 
  • บัญชีฟรีเมียมต้องฝากเงินถึง 650,000 บาท 
  • ค่าสเปรดค่อนข้างสูง 

6. FXCM

FXTM เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการเทรดฟอเร็กซ์และ CFD เริ่มเปิดดำเนินการในปี 1999 โดยมีอัตราการเติบโตสูงในเอเชีย อยู่ภายใต้การควบคุมจากหน่วยงาน ASIC, AMF และ FCA รวมถึงมีมาตรการป้องกันยอดเงินคงเหลือติดลบ นอกจากนี้ยังมีฝ่ายดูแลลูกค้าให้บริการ 5 วันทำการตลอด 24 ชั่วโมงและสนับสนุนภาษาไทยด้วย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ไม่มีค่าคอมมิชชั่น 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP), Dash (DASH), Cardano (ADA), Stellar (XLM), Dogecoin (DOGE) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • เงินฝากขั้นต่ำน้อย 
  • การบริการสนับสนุนภาษาไทย
  • ค่าสเปรดในการเทรดต่ำ
  • มีเครื่องมือค้นคว้าที่ดี แหล่งความรู้มีความหลากหลาย  

ข้อเสีย: 

  • ค่าเลเวอเรจต่ำ 
  • ค่าสเปรดในการเทรด Bitcoin ค่อนข้างสูง 
  • ค่าธรรมเนียมการถอนเงินสูง 

7. BDSwiss

BDSwiss เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์เทรดฟอเร็กซ์และ CFD เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2012 ปัจจุบันมีบัญชีที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านบัญชีทั่วโลก BDSwiss ได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย โดยอยู่ในการควบคุมของหน่วยงาน CySEC, FSC และ ICF อีกทั้งมีมาตรการความปลอดภัยแยกบัญชีเงินทุนของลูกค้า นอกจากนี้โบรกเกอร์ยังให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดยอดนิยมอย่าง MT4 และ MT5 ด้วย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชี Classic  

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP), Dash (DASH), Cardano (ADA), Stellar (XLM), Dogecoin (DOGE) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • ให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลายและใช้งานง่าย รองรับหลายอุปกรณ์ 
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำ มีเลเวอร์เรจสูง 
  • มีความน่าเชื่อถือ ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย 
  • มีโปรโมชั่นสำหรับการฝากเงินครั้งแรก รับโบนัส 30% สูงสุดถึง 16,500 บาท 
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าที่ดี 

ข้อเสีย: 

  • เงินฝากขั้นต่ำของบัญชี Zero Spread สูง 
  • มีการเก็บค่าธรรมเนียมจากการไม่ใช้งานบัญชีนานกว่า 90 วันคิดเป็น 10% ต่อเดือน  

8. Plus500

Plus 500 เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ออนไลน์ฟอเร็กซ์และ CFD ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ประเทศอิสราเอล โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2008 ได้รับการควบคุมโดยหน่วยงาน FCA, CySec, ASIC และ AMF นอกจากนี้ยังมีมาตรการ​​ป้องกันยอดคงเหลือติดลบเพื่อจำกัดการขาดทุนของลูกค้า อย่างไรก็ตาม Plus500 นั้นยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย ทำให้นักลงทุนชาวไทยมีข้อจำกัดในการติดต่อกับโบรกเกอร์ 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ระดับปานกลาง และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหากไม่ใช้งานติดต่อกัน 3 เดือน 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP), Stellar (XLM), IOTA เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • เทรดดิ้งแพลตฟอร์มใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์มากมาย รองรับหลายอุปกรณ์ 
  • มีมาตรการ​​ป้องกันยอดคงเหลือติดลบ 
  • ค่าสเปรดในการเทรดแคบ 
  • มีสินทรัพย์ให้เลือกเทรดหลากหลาย 

ข้อเสีย: 

  • เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการไม่ใช้งานติดต่อกัน 3 เดือน 
  • ไม่มีแหล่งความรู้และการฝึกสอนการเทรด
  • ยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย
  • เทรดดิ้งแพลตฟอร์มมีให้บริการน้อย 

9. XTB

XTB โบรกเกอร์ออนไลน์ฟอเร็กซ์และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 ประเทศโปแลนด์ ปัจจุบันมีลูกค้ามากกว่าถึง 120,000 รายทั่วโลก ได้รับการควบคุมดูแลโดยหน่วยงาน AMF, FCA, KNF และ CySEC และได้พัฒนาแพลตฟอร์ม xStation 5 ของตนเองซึ่งใช้งานง่าย มีเครื่องมือการเทรดขั้นสูงมากมาย นอกจากนี้ฝ่ายดูแลลูกค้ายังให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในหลายช่องทางและรองรับลูกค้าชาวไทยด้วย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: โดยรวมถือว่าค่อนข้างต่ำ  

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP) 

ข้อดี: 

  • ไม่กำหนดเงินฝากขั้นต่ำ 
  • มีเลเวอร์เรจสูง (1:500) 
  • มีโปรโมชั่นโบนัสแนะนำเพื่อนสูงสุดถึง $600 (~฿20,000)
  • มีแหล่งความรู้ที่ดี 

ข้อเสีย: 

  • สามารถถอนเงินได้ช้า 
  • ไม่มีระบบ Copy trade 
  • รองรับการฝากเงินเข้าบัญชีไทยเพียงแค่ 3 ธนาคาร ได้แก่ กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์ และกสิกร 
  • เก็บค่าธรรมเนียมหากไม่ใช้งาน 365 วัน 

10. Exness

Exness เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 145,000 คนทั่วโลก ได้รับรางวัลโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดอันดับ 1 จาก Thai Broker Forex โดยได้รับการกำกับดูแลจาก CySEC, FCA และ FSA นอกจากนี้ยังมีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเป็นพันธมิตรกับธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Barclays, Baltikums bank และ OCBC Bank ส่วนฝ่ายบริการลูกค้านั้นเป็นมืออาชีพและรองรับการใช้ภาษาไทยด้วย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชี Standard และ Standard Plus 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP) 

ข้อดี:  

  • สามารถถอนเงินได้รวดเร็ว 
  • มีแพลตฟอร์มการเทรดให้เลือกหลากหลาย 
  • เลเวอเรจสูง 
  • รองรับการทำธุรกรรมผ่านธนาคารในไทยเยอะมาก 
  • มีสภาพคล่องสูงและสามารถเทรดได้อย่างรวดเร็ว
  • ค่าธรรมเนียมในการเทรดและค่าสเปรดต่ำ
  • ฝ่ายบริการลูกค้าดีเยี่ยม 

ข้อเสีย: 

  • ให้บริการสินทรัพย์น้อยเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์รายอื่น
  • ไม่มีบริการโซเชียลเทรดดิ้ง  

11. CMC Markets

CMC Markets เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์เทรดฟอเร็กซ์และ CFD ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1989 ได้รับการกำกับดูแลโดย FCA แพลตฟอร์มการเทรดมีฟีเจอร์มากมาย เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกประเภท อีกทั้งยังมีฝ่ายดูแลลูกค้าและแหล่งความรู้ที่ดี อย่างไรก็ตาม CMC Markets ยังไม่สนับสนุนภาษาไทย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.075% เมื่อเทรดตั้งแต่ 30 ครั้งเป็นต้นไป 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Dash (DASH) 

ข้อดี:  

  • ไม่มีขั้นต่ำในการฝากเงิน
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำ
  • ให้บริการบนแพลตฟอร์มการเทรด MT4 
  • ฝ่ายดูแลลูกค้าดีเยี่ยม 

ข้อเสีย: 

  • เลเวอเรจต่ำ
  • โบรกเกอร์ยังไม่สนับสนุนภาษาไทย 

12. OctaFX

OctaFX เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์เทรดตราสารอนุพันธ์ (CFD) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2011 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษและได้รับการดูแลโดย CySEC โบรกเกอร์ OctaFX ให้บริการเทรดสกุลเงินดิจิทัล, ฟอเร็กซ์, สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มการเทรดให้เลือกหลากหลาย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ค่าสเปรดต่ำ ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการฝากและถอน 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP)  

ข้อดี:  

  • เงินฝากขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง ~฿165
  • ค่าสเปรดในการเทรดต่ำ 
  • มีระบบ Copy trade 
  • ฝ่ายดูแลลูกค้าให้บริการ 24/5 และสนับสนุนภาษาไทย
  • รองรับการทำธุรกรรมผ่านธนาคารในไทย 

ข้อเสีย: 

  • ไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกเลเวอเรจได้ 
  • ให้บริการสินทรัพย์ค่อนข้างน้อย 

13. AVATrade

AVATrade เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการเทรดฟอเร็กซ์และ CFD โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2006 และได้รับรางวัลต่างๆ มากมายทั่วโลก ส่วนหน่วยงานที่ควบคุมดูแล ได้แก่ ASIC, FSA, FSCA และ BVIFSC โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มการเทรดของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีฝ่ายบริการลูกค้าให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงใน 5 วันทำการและรองรับภาษาไทย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: โดยรวมถือว่าต่ำ แต่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเทรดจากการไม่ใช้งาน 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Polkadot (DOT), Binance Coin (BNB)  

ข้อดี: 

  • เลเวอเรจสูง 
  • แพลตฟอร์มการเทรดใช้งานง่าย
  • มีฟีเจอร์โซเชียลเทรดดิ้ง 
  • ฝ่ายดูแลลูกค้าสนับสนุนภาษาไทย 

ข้อเสีย: 

  • มีค่าธรรมเนียมจากการไม่ใช้งานค่อนข้างสูง
  • แหล่งความรู้ยังไม่รองรับภาษาไทยทั้งหมด 

14. Pepperstone

Pepperstone เป็นโบรกเกอร์เทรดฟอเร็กซ์และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2010 ประเทศออสเตรเลีย อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหน่วยงาน ASIC, AMF และ FCA มีมาตรการแยกเงินทุนของลูกค้าเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดยอดนิยมมากมาย แม้เว็บไซต์จะมีภาษาไทย แต่ฝ่ายดูแลลูกค้ายังไม่รองรับภาษาไทย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ค่าสเปรดต่ำ แต่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเทรดด้วย 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC)   

ข้อดี:  

  • มีแพลตฟอร์มการเทรดให้เลือกหลากหลาย 
  • ค่าสเปรดในการเทรดต่ำ
  • เว็บไซต์สนับสนุนภาษาไทย
  • สามารถทำธุรกรรมผ่านธนาคารในไทยได้ 
  • ฝ่ายดูแลลูกค้าดีเยี่ยม

ข้อเสีย: 

  • ฝ่ายดูแลลูกค้ายังไม่รองรับภาษาไทย 
  • เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการไม่ใช้งานบัญชี 

15. Bitfinex

Bitfinex เป็นเว็บเทรด Bitcoin รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ แบบตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 โดยบริษัท iFinex Inc แม้จะมีบริการที่หลากหลาย แต่เนื่องจาก Bitfinex เคยถูกแฮ็กในปี 2015 และ 2016 จึงทำให้นักลงทุนค่อนข้างกังวลกับการใช้บริการเว็บเทรด Bitcoin รายนี้ 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.0-0.2%  

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Ripple (XRP), Stellar (XLM) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • มีบริการให้เลือกหลากหลาย 
  • มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำที่ 0.0-0.2%
  • การซื้อขายมีสภาพคล่องสูง 
  • สามารถซื้อขายแบบมาร์จิ้นสูงสุด 1:10
  • มีระบบป้องกันยอดเงินคงเหลือติดลบ 

ข้อเสีย: 

  • มีปัญหาด้านความปลอดภัยเนื่องจากเคยถูกแฮ็กมาก่อน  
  • ยังไม่ได้รับอนุญาตจากก.ล.ต.ให้ดำเนินงานในประเทศไทย 
  • แพลตฟอร์มการเทรดและเว็บไซต์ยังไม่รองรับภาษาไทย
  • ไม่สามารถทำธุรกรรมผ่านธนาคารในไทยได้  

16. Poloniex

Poloniex เป็นเว็บเทรด Bitcoin ที่ก่อตั้งในปี 2014 รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากมาย รวมทั้งมีบริการที่หลากหลาย เช่น เทรดทั้งเทรดมาร์จิ้น, การ Lending เป็นต้น นอกจากนี้ Poloniex ยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นของตัวเองอีกด้วย และมีฝ่ายดูแลลูกค้าให้ความช่วยเหลือ   

​​

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.0-0.14% 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), TRON (TRX), Tether (USDT) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • ฝ่ายดูแลลูกค้าไม่ได้ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำ 
  • เลเวอเรจยืดหยุ่น สามารถปรับได้สูงสุด 2.5x 
  • การเปิดบัญชีทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่กี่นาที 

ข้อเสีย:  

  • ไม่รองรับการซื้อขายและฝากเงินแบบทั่วไป 
  • ฝ่ายดูแลลูกค้าให้บริการได้ยังไม่ดีนัก 

17. Bittrex

Bittrex เป็นเว็บเทรด Bitcoin แบบตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) ที่ก่อตั้งและดำเนินงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงติดอันดับ 1 ใน 15 ของโลก และรองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 252 สกุลเงิน 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.25% 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), TRON (TRX), Tether (USDT) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • มีกระเป๋าเงินดิจิตอลให้เลือกใช้หลากหลาย และแปลงค่าเงินตามกระเป๋าที่เลือกโดยอัตโนมัติ
  • ให้บริการสกุลเงินดิจิทัลหลากหลาย 
  • นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของเหรียญคริปโตได้ 
  • ให้บริการซื้อขาย Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ตลอด 24/7
  • มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

ข้อเสีย: 

  • ยังไม่ได้รับอนุญาตจากก.ล.ต.ให้ดำเนินงานในประเทศไทย 
  • ไม่สามารถใช้เงินบาทเพื่อซื้อ Bitcoin ได้โดยตรง 
  • ค่าธรรมเนียมการเทรดค่อนข้างสูง 
  • ไม่สามารถใช้เลเวอเรจได้ 
  • การบริการมีให้เลือกน้อย 

18. OKEX 

OKEX เป็นเว็บเทรด Bitcoin แบบตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) ที่ได้รับความนิยมติดหนึ่งใน 20 อันดับของเว็บเทรดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2017 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่บนเกาะซีเชลส์ นอกจากนี้ OKEX ยังออกสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองชื่อว่า Okcoin อีกด้วย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ต่ำ ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากถอน  

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), TRON (TRX), Tether (USDT), Solana (SOL) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • มีบริการหลากหลายเหมาะทั้งสำหรับมือใหม่และมืออาชีพ 
  • รองรับสกุลเงินดิจิทัลหลายร้อยรายการ 
  • แพลตฟอร์มการเทรดและแอพพลิเคชั่นมือถือใช้งานง่าย มีฟีเจอร์มากมาย 
  • มีแหล่งความรู้และการดูแลลูกค้าที่ดี ช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง 

ข้อเสีย: 

  • สามารถซื้อขายด้วย Cryptocurrencies เท่านั้น 
  • มีข้อจำกัดในการถอนเงิน 
  • ไม่มีบัญชีทดลอง 

จะเห็นได้เลยว่าเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศหลายๆ รายที่เราคัดมานั้นได้รับการดูแลควบคุมจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ มีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย รวมถึงค่าธรรมเนียมการเทรดที่ไม่สูงจนเกินไป เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ตั้งแต่ระดับมือใหม่ เนื่องจากให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดที่เรียบง่ายและยอดนิยมอย่าง MT4 หรือ MT5 ในขณะเดียวกันเว็บเทรด Bitcoin หลายๆ รายก็ได้พัฒนาฟีเจอร์การเทรดขั้นสูงเพิ่มเติม จึงทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพด้วยเช่นกัน 

รวมเว็บเทรด Bitcoin ไทย 

ในประเทศไทยหน่วยงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ตลอดจนวางนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนา ดังนั้นเว็บเทรด Bitcoin ไทยที่ผ่านการรับรองจากก.ล.ต.จะสามารถซื้อขายเงินบาทได้โดยตรง อีกทั้งมีบริการภาษาไทยด้วย 

1. Bitkub

Bitkub เป็นเว็บเทรด Bitcoin ไทยแบบตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) ที่ใหญ่และได้รับความนิยมที่สุดในประเทศไทย เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2018 ปัจจุบันมีปริมาณการซื้อขายต่อวันมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีบริการและฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย ซึ่งนักลงทุนชาวไทยสามารถฝากและถอนเงินบาทผ่านธนาคารในไทยได้อย่างสะดวก หรือใช้ QR Code ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสภาพคล่องสูงสำหรับซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลหลักๆ ด้วย ส่วนเหรียญคริปโตที่ออกโดย Bitkub คือ KUB

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.25% ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนคือ 20 บาท 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Bitkub Coin (KUB), Litecoin (LTC), Binance (BNB), Tether (USDT), Solana (SOL) เป็นต้น 

ข้อดี:

  • ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต.ให้ดำเนินการแล้ว 
  • รองรับสกุลเงินดิจิทัลหลากหลาย มีมากกว่า 47 สกุล และสามารถเทรดได้ตลอด 24/7
  • สามารถเทรดด้วยเงินบาทได้ ค่าธรรมเนียมการฝากถอนต่ำ 
  • การซื้อ Bitcoin และทำธุรกรรมต่างๆ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และเป็นเว็บเทรด Bitcoin ที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันมากที่สุดในไทย
  • เหรียญคริปโต KUB สามารถใช้ในการเทรด ส่วนลดค่าธรรมเนียมการเทรด และสิทธิพิเศษอื่นๆ 
  • แพลตฟอร์มการเทรดใช้งานง่าย สนับสนุนภาษาไทย 

ข้อเสีย: 

  • ขั้นตอนการเปิดบัญชีค่อนข้างซับซ้อน 
  • มีสภาพคล่องในการเทรดเฉพาะสกุลเงินที่ได้รับความนิยม ส่วนสกุลเงินอื่นๆ มีสภาพคล่องไม่มากนัก 
  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขายสูงกว่าเว็บเทรด Bitcoin คู่แข่ง 

2. สตางค์โปร (Satang Pro) 

Satang Pro เป็นเว็บเทรด Bitcoin ไทยแบบตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) แห่งแรก เปิดให้บริการปี 2017 ก่อนหน้านี้นั้นใช้ชื่อว่า TDAX ซึ่ง Satang Pro ได้ออกเหรียญคริปโตแรกของไทยออกมาชื่อ Zcoin และยังรองรับสกุลเงินดิจิทัลกว่า 38 สกุลเงิน สามารถเทรดโดยใช้เงินบาทผ่านธนาคารในไทยได้ นอกจากนี้ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับ Binance จึงทำให้ Satang Pro เติบโตขึ้นอย่างมาก และสามารถฝากถอนเหรียญจาก Binance ได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมด้วย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.12-0.20% ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนคือ 18 บาท 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Binance (BNB), Tether (USDT), Solana (SOL) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต.ให้ดำเนินการแล้ว 
  • รองรับสกุลเงินดิจิทัลกว่า 38 รายการ สามารถเทรดได้ด้วยเงินบาทตลอด 24/7 
  • มีค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำกว่าคู่แข่ง  
  • สามารถทำธุรกรรมผ่านธนาคารในไทยได้ ดำเนินการรวดเร็ว โดยมีค่าธรรมเนียม 18 บาทต่อครั้ง
  • มีฟีเจอร์ Multiple Network ที่ทำให้นักลงทุนสามารถโอนเหรียญคริปโตไปเว็บเทรด Bitcoin แบบ Exchange อื่นได้ โดยคิดค่าธรรมเนียมถูกลงกว่าเดิม 20 เท่า  
  • แพลตฟอร์มการเทรดใช้งานง่าย สนับสนุนภาษาไทย 

ข้อเสีย: 

  • ขั้นตอนเปิดบัญชีค่อนข้างซับซ้อน 
  • สภาพคล่องในการซื้อขายยังไม่มากเมื่อเทียบกับเว็บเทรด Bitcoin แบบ Exchange ของคู่แข่ง 

3. Bitazza

Bitazza เป็นเว็บเทรด Bitcoin ไทยที่สามารถเทรด Bitcoin และเหรียญคริปโต altcoin ได้ นอกจากนี้ยังออกเหรียญคริปโตของตนเองที่มีชื่อว่า BTZ สำหรับใช้ลดค่าธรรมเนียมการเทรดและมีสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกด้วย 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.25% ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนเท่ากับ 20 บาท 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), BTZ, Ethereum (ETH), Cardano (ADA), Litecoin (LTC), Tether (USDT), Solana (SOL) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต.ให้ดำเนินการแล้ว 
  • เหรียญคริปโต BTZ นำไปใช้ลดค่าธรรมเนียมการเทรดและทำกิจกรรมอื่นๆ ของ Bitazza ได้ 
  • BTZ มีปันผลสูงถึงปีละ 40% 
  • แอพพลิเคชั่นมือถือใช้งานง่าย ดำเนินการซื้อ Bitcoin และเหรียญคริปโตอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ข้อเสีย: 

  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขายสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง 
  • ค่าสเปรดค่อนข้างกว้าง 

4. Zipmex

Zipmex เป็นเว็บเทรด Bitcoin ไทยที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย โดยมีเหรียญคริปโตของตนเองชื่อ ZMT นอกจากนี้ยังมีมาตรการความปลอดภัยด้วยการร่วมมือกับ BitGo ผู้ให้บริการรักษาสินทรัพย์ระดับโลก 

ค่าธรรมเนียมการเทรด: ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนคือ 20 บาท 

สกุลเงินดิจิทัล: Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ripple (XRP), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC) เป็นต้น 

ข้อดี: 

  • ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต.ให้ดำเนินการแล้ว 
  • การเปิดบัญชีสามารถทำได้รวดเร็ว 
  • ได้รับดอกเบี้ยคืนจากการซื้อเหรียญคริปโตและฝากที่ Zipmex 
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมในการเทรด 

ข้อเสีย: 

  • มีความเสี่ยงที่เงินฝากของนักลงทุนจะสูญหาย 

สรุป 

“Cryptocurrency” หรือ “สกุลเงินดิจิทัล” ได้เปลี่ยนแปลงระบบการเงินของผู้คนโดยสิ้นเชิง นักลงทุนมากมายต่างสนใจในการเทรดคริปโต ด้วยจุดเด่นในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการจัดการไม่เหมือนสินทรัพย์อื่นๆ ในโลก และมีการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ทำให้สามารถรับรู้ข้อมูลได้ทั้งเครือข่าย ซึ่ง Bitcoin นั้นเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกและมีมูลค่าตลาดมากที่สุด 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเทรด Bitcoin นั้นมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนจึงควรเริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและกระจายความเสี่ยงการลงทุน ส่วนวิธีการเลือกเว็บเทรด Bitcoin ควรพิจารณาจากหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการเทรด การบริการลูกค้า รองรับภาษาไทย และที่สำคัญคือควรเลือกเว็บเทรด Bitcoin ที่ได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต.เพื่อความปลอดภัยในการลงทุนด้วย เพียงเท่านี้การเทรด Bitcoin ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักลงทุนทุกคนสามารถเริ่มต้นได้เลย  


References: 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *