APR และ APY คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?

APR และ APY คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?

APR และ APY คืออะไร? ต่างกันอย่างไร? 

มารู้จักกันว่า APR และ APY คืออะไร? ทำไมนักลงทุนทุกคนควรรู้จัก? พร้อมเปรียบเทียบ APR vs APY ว่าแตกต่างกันอย่างไรและอะไรดีกว่ากัน อ่านต่อในบทความ 

APR และ APY ต่างกันอย่างไร? สองอย่างนี้ดูเผินๆ เหมือนจะคล้ายกันที่ใช้ในการคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน แต่มีความแตกต่างกันเพราะ APR คือการคำนวณผลตอบแทนร้อยละต่อปีแบบดอกเบี้ยคงที่ นิยมใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยเพื่อกู้เงิน ในขณะที่ APY คือ อัตราผลตอบแทนแบบทบต้น ซึ่งความถี่ในการทบต้นเป็นข้อแตกต่างหลักที่ทำให้ผลตอบแทน APY สูงกว่า APR นั่นทำให้การลงทุนต่างๆ รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซีมักจะมีการจ่ายผลตอบแทนแบบ APY แก่นักลงทุน 

มารู้จักกันว่า APR คืออะไรและ APY คืออะไร ไปจนถึงเปรียบเทียบว่า APR และ APY ต่างกันอย่างไรในบทความนี้ อ่านต่อเลย! 

  • APR คือ อัตราผลตอบแทนหรืออัตราค่าใช้จ่ายร้อยละต่อปีแบบไม่ทบต้น สามารถคำนวณได้โดยใช้​​อัตราผลตอบแทนคูณกับเงินลงทุน 
  • APY คือ อัตราผลตอบแทนแบบทบต้น สามารถคำนวณได้โดยเอาดอกเบี้ยที่ได้มาทบเข้าไปรวมกับเงินต้น ส่งผลให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตามจำนวนเงินต้น 
  • APR vs APY ความแตกต่างหลักคือการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น APR คำนวณจากดอกเบี้ยแบบคงที่ ในขณะที่คำนวณ APY จะมีการทบต้นด้วย 
  • วิธีการคำนวณ APR ใน DeFi มักจะคํานวณผลตอบแทนทบต้นในระยะสั้นกว่าสถาบันการเงินทั่วไป เรียกว่า APY 7 วัน คือ การคํานวณผลตอบแทนทบต้นทุกๆ 7 วัน 
  • ลงทุนคริปโตกับ Mitrade ได้ผลตอบแทนแบบ APY นอกจากจะมีความสเถียรแล้ว ยังมีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ และไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นด้วย 

นักลงทุนหลายๆ คนที่พึ่งเริ่มต้นลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี หรือแม้แต่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับ APR และ APY มากนัก แต่รู้หรือไม่ว่าทั้งสองค่านี้มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากใช้ในการคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน รวมถึงคำนวณดอกเบี้ยและผลิตภัณฑ์สินเชื่อ อีกทั้งยังมีผลอย่างมากต่อจำนวนเงินที่คุณได้รับหรือต้องจ่ายด้วย  

ดังนั้นในบทความนี้เราจะแนะนำให้คุณรู้จักว่า APR และ APY คืออะไร ทำไมนักลงทุนทุกคนควรรสนใจ รวมถึงอธิบายว่า APR และ APY ต่างกันอย่างไร เราไปดูกันเลย! 

APR คืออะไร? 

Annual Percentage Rate หรือ APR คือ อัตราผลตอบแทนร้อยละต่อปีแบบไม่ทบต้น หรืออาจะหมายถึงอัตราค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้สินเชื่อก็ได้เช่นกัน สามารถคำนวณได้โดยใช้​​อัตราผลตอบแทนคูณกับเงินลงทุน 

​​สถาบันการเงินต่างๆ มักจะใช้ APR ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อของตัวเอง เช่น เงินกู้ การจำนอง และบัตรเครดิต หรือแม้แต่การออมทรัพย์เนื่องจากทำให้ดูเหมือนว่าผู้กู้จะจ่ายเงินน้อยลงในระยะยาว ดังนั้น APR จึงมีประโยชน์ในการใช้เปรียบเทียบต้นทุนหรือผลตอบแทนระหว่างสถาบันการเงิน นอกเหนือจากการเปรียบเทียบด้วยอัตราดอกเบี้ย แต่ข้อจำกัดของ APR คือ คุณควรใช้เปรียบเทียบสินเชื่อหรือการลงทุนที่มีจำนวนเงินต้นและระยะเวลาใกล้เคียงกัน 

ตัวอย่างการคำนวณ APR 

หากคุณต้องการลงทุนทำ Yield Farming ใน DeFi ที่ APR คือ 30% โดยคุณมีเงินต้นจำนวน 1,000 บาท หลังจากผ่านไป 1 ปีคุณจะจะได้ผลตอบแทนกลับมา 30% x 1,000 = 300 บาทนั่นเอง และถ้าเงินต้นยังคงเท่าเดิมที่ 1,000 บาท คุณก็จะได้ผลตอบแทนปีละ 300 บาทต่อเนื่องทุกๆ ปี 

APY คืออะไร?  

Annual Percentage Yield หรือ APY คือ อัตราผลตอบแทนแบบทบต้น วิธีการคำนวณคือเอาดอกเบี้ยที่ได้มาทบเข้าไปรวมกับเงินต้น ทำให้เงินต้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ความถี่ในการทบต้นก็เป็นตัวแปรสำคัญ ยิ่งมีความถี่ในการทบต้นมากเท่าไหร่ ความต่างของผลตอบแทนก็ยิ่งมากขึ้นตาม 

การคำนวณ APY สามารถใช้เพื่อประมาณกำไรที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนหรือยอดคงเหลือสุดท้ายในบัญชีเงินฝากได้ และช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่มีระยะเวลาการทบต้นต่างกันได้ 

ตัวอย่างการคำนวณ APY

หากคุณต้องการลงทุนทำ Yield Farming ใน DeFi ที่ APY คือ 30% (อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 26.25%) และมีการทบต้นทุกวัน โดยคุณมีเงินต้นจำนวน 1,000 บาท ผลตอบแทนในแต่ละวันจะมีค่าตามตาราง 

วันที่ ผลตอบแทน 
11000.72 
21001.44
31002.16
41002.88
51003.60
61004.32
1005.04

สรุปว่าผลตอบแทนของ APY 7 วันคือ 1005.04 บาท APY คํานวณผลตอบแทนทบต้นไปเรื่อยๆ ยิ่งเงินต้นและความถี่ในการทบต้นมากจะส่งผลต่อผลตอบแทนมากขึ้นตาม 

APR และ APY ต่างกันอย่างไร? 

จะเห็นได้เลยว่าแม้ APR และ APY จะมีความคล้ายกัน แต่วิธีการคำนวณไปจนถึงการนำไปใช้นั้นมีความแตกต่างกันทีเดียว ในส่วนนี้เราได้สรุปว่า APR และ APY ต่างกันอย่างไรเป็น 3 ประเด็นดังนี้ 

1. การคำนวณดอกเบี้ย  

APR คำนวณหาผลตอบแทนจากดอกเบี้ยแบบคงที่ ถ้าเงินต้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงผลตอบแทนที่ได้ก็จะเท่าเดิมทุกๆ ปี ในขณะที่การคำนวณ APY จะมีความซับซ้อนมากขึ้นเพราะมีการทบต้นด้วย และยิ่งทบต้นถี่มากเท่าใด ความแตกต่างระหว่าง APR และ APY จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น 

2. ผลตอบแทนที่ได้ 

การคิดดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ ทำให้ APY นั้นให้ผลตอบแทนมากกว่า APR อย่างไรก็ตามบางกรณีผลตอบแทนอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนี้เสมอไป ดังนั้นคุณควรศึกษาและฝึกคำนวณด้วยตัวเองเพื่อนำไปใช้ในการเปรียบเทียบผลตอบแทน 

3. จุดประสงค์การนำไปใช้ 

เนื่องจากการคำนวณดอกเบี้ยและผลตอบแทนที่ได้มีความแตกต่างกัน จุดประสงค์การนำไปใช้ของ APR และ APY ก็มีความแตกต่างกันด้วย บริษัทการลงทุนมักนำเสนอ APY เพื่อดึงดูดนักลงทุนเพราะช่วยเพิ่มมูลค่าเงินต้น ในขณะที่ผู้ให้กู้จะโน้มน้าวด้วย APR เพราะผู้ต้องการกู้สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้น้อยกว่านั่นเอง 

APR หรือ APY ดีกว่ากัน? 

สรุปแล้ว APR vs APY แบบไหนดีกว่ากัน? นั่นขึ้นอยู่กับว่าคุณมีจุดประสงค์อย่างไร ถ้าคุณกำลังมองหาสินเชื่อที่อยู่อาศัย คุณก็จะเลือกสถาบันการเงินที่ให้กู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด APR จะดีกว่า เพราะยิ่ง APR ต่ำ คุณก็จะเสียดอกเบี้ยน้อยลง 

ในทางกลับกันถ้าคุณต้องการเปิดบัญชีออมทรัพย์หรือสนใจลงทุน เห็นได้ชัดว่าคุณย่อมมองหาสถาบันการเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนที่ดีที่สุด APY จึงดีกว่า เพราะยิ่ง APY สูงเท่าไร การลงทุนของคุณจะได้รับดอกเบี้ยมากขึ้นเท่านั้น 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณกำลังมองหาสินเชื่อหรือสนใจลงทุน คุณควรเปรียบเทียบสถาบันการเงินหรือผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอดอกเบี้ยประเภทเดียวกัน 

วิธีการคำนวณ APY ใน DeFi 

หลังจากที่ได้รู้จักว่า APY คืออะไรกันไปแล้ว ใน DeFi ก็มีวิธีการคิดผลตอบแทนแบบ APY เช่นกัน แต่มีความแตกต่างกันที่ธนาคารทั่วไปมักจะคํานวณผลตอบแทนทบต้นเดือนละครั้ง ส่วน DeFi เสนอระยะเวลาทบต้นที่สั้นกว่าเรียกว่า APY 7 วัน คือ การคํานวณผลตอบแทนทบต้นทุกๆ 7 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 

ซึ่งสาเหตุที่ DeFi คํานวณผลตอบแทนทบต้นแบบ APY 7 วันคือ 

  • เนื่องจากตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนและความเสี่ยงสูง ระยะเวลาทบต้นที่สั้นลงสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนลงได้ 
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี APY 7 วันช่วยให้นักลงทุนกลุ่มนี้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงข้ึน 

สำหรับสูตรคำนวณ APY มีดังนี้ 

APY = (1 + r/n)n – 1 

โดย

r – อัตราดอกเบี้ย

n – จำนวนครั้งที่ดอกเบี้ยทบต้นต่อปี 

ตัวอย่างการคำนวณ APY 

หากคุณต้องการลงทุนทำ Yield Farming ใน DeFi ที่ APY คือ 5% และมีการทบต้นทุกๆ 7 วัน โดยคุณมีเงินต้นจำนวน 1,000 บาท 

APY = (1 + 0.5/52.14)52.14 – 1 = 0.64 หรือเท่ากับ 6.4% 

นอกจากนี้โบรกเกอร์และแพลตฟอร์มคริปโตยังมีการตอบแทนนักลงทุนด้วยแคมเปญด้วย Reward pool คือ คลังของรางวัลเพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับนักลงทุนอีกด้วย ทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงข้ึน

ข้อควรสังเกต

นอกเหนือจากพิจารณา APR และ APY ที่สถาบันการเงินต่างๆ นำเสนอแล้ว คุณควรพิจารณาข้อสังเกตอื่นๆ ประกอบกันด้วย ตัวอย่างเช่น 

  • ความถี่ในการคำนวณผลตอบแทนทบต้นหรือการจ่าย อย่างที่ได้กล่าวไปว่ายิ่งมีการทบต้นถี่มาก ผลตอบแทนก็มีโอกาสสูงขึ้นตาม 
  • ค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ รวมถึงค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ เช่น ค่าดูแลรักษาบัญชี การฝากและถอนเงิน เป็นต้น คุณควรเลือกโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่ำ เพราะมีผลกับกำไรที่คุณจะได้รับโดยตรง 
  • เลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะกับคุณ อย่าลืมกำหนดเป้าหมายการลงทุนของคุณ รวมถึงความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้ 

รับผลตอบแทนแบบ APY เมื่อลงทุนคริปโตที่ Mitrade 

อัตราผลตอบแทน APY อาจแตกต่างกันไปในแต่ละโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์ม ถ้าคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่มีความเสถียรและให้ผลตอบแทนแบบ APY โบรกเกอร์  Mitrade เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์สัญชาติออสเตรเลียที่มีความน่าเชื่อถือ โดยก่อตั้งเมื่อปี 2011 ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก Mitrade ให้บริการสินทรัพย์มากกว่า 300 รายการรวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี และเครื่องมือเทรดขั้นสูงมากมายสำหรับเทรดเดอร์ 

ทำไมคุณควรเทรดกับ Mitrade? 

  1. มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เนื่องจากโบรกเกอร์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยหน่วยงาน ASIC ของออสเตรเลีย, CIMA ของหมู่เกาะเคย์แมน และ FSC ของมอริเชียส นอกจากนี้ยังมีมาตรการแยกเงินทุนของลูกค้าจากของโบรกเกอร์ 
  2. ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ค่าสเปรดในการเทรดต่ำ ไม่มีค่าธรรมเนียมค้างคืน รวมถึงไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากถอนด้วย 
  3. สามารถใช้เลเวอเรจในการเทรด มีความยืดหยุ่น สามารถปรับได้เป็น 1, 2, 5, หรือ 10 เท่า และเลเวอเรจสูงสุดคือ 1:200 จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของนักลงทุน 
  4. ปริมาณในการซื้อขายต่ำ โดยเริ่มต้นเพียง 0.01 lots 
  5. แพลตฟอร์มการเทรดใช้งานง่าย มีเครื่องมือเทรดขั้นสูงมากมาย รองรับทั้งเวอร์ชั่นเว็บเทรดเดอร์และแอพพลิเคชั่นมือถือ พร้อมด้วยระบบควบคุมความเสี่ยง มีฟังก์ชั่น stop loss หรือจำกัดการเทรดให้บริการ 
  6. ฝ่ายบริการลูกค้าเป็นมืออาชีพ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงวันจันทร์ถึงศุกร์ รองรับการใช้งานในประเทศไทย สามารถฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทยได้ง่าย 
  7. มีแหล่งความรู้สนับสนุน เทรดเดอร์สามารถเข้าดูบทวิเคราะห์จาก Mitrade ได้โดยตรง รวมถึงบทความให้ความรู้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ 

ขั้นตอนการเริ่มต้นเทรดคริปโตกับ Mitrade

1. ลงทะเบียน 

สร้างบัญชีใหม่โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น ถ้าคุณยังเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ Mitrade มีบริการบัญชีทดลองด้วยเงินเสมือนจริง $50,000 (~฿1.7 ล้านบาท) เพื่อให้คุณสามารถฝึกฝนทักษะการเทรดได้โดยไม่มีความเสี่ยง 

2. ฝากเงินเข้าบัญชี 

การฝากเงินมีให้เลือกหลายช่องทาง และมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก คุณสามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้โดยตรงผ่าน QR Code, ธนาคารออนไลน์ในไทย รวมถึง Skrill โดยที่ไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ 

3. เริ่มต้นเทรด 

สำหรับการเทรดคริปโต โบรกเกอร์  Mitrade นำเสนอแพลตฟอร์มการเทรดที่มีอินดิเคเตอร์ที่หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกใช้ เช่น Simple Moving Averages (SMA), Exponential Moving Averages (EMA), Moving Average Convergence Divergence (MACD), Relative Strength Index (RSI) และอีกมากมาย พร้อมเครื่องมือช่วยสนับสนุนการวิเคราะห์เพื่อเพิ่มความแม่นยำการคาดการณ์ให้มากขึ้น 

สรุป

การคำนวณ APR และ APY ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนหรือการจ่ายจากสถาบันการเงินได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออมทรัพย์ การลงทุน หรือการขอสินเชื่อ แล้ว APR กับ APY ต่างกันอย่างไร? ข้อแตกต่างหลักอยู่ที่การคำนวณดอกเบี้ยทบต้น APR คืออัตราผลตอบแทนแบบคงที่ ในขณะที่ APY คืออัตราผลตอบแทนแบบทบต้น และยิ่งทบต้นถี่เท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเท่านั้น 

เมื่อเปรียบเทียบ APR vs APY ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการทำธุรกรรมการเงินประเภทใด ถ้าคุณกำลังขอสินเชื่อ คุณควรมองหาสถาบันการเงินที่นำเสนอ APR ต่ำเพื่อจะได้จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง แต่ถ้าคุณสนใจลงทุน APY ที่สูงจะช่วยให้คุณมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้น ซึ่งโบรกเกอร์คริปโตอย่าง Mitrade ก็นำเสนอ APY ในการลงทุนคริปโต โดยมีระยะเวลาทบต้นที่สั้นกว่าธนาคารทั่วไป เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ไปจนถึงนักลงทุนมืออาชีพที่ต้องการเพิ่มกำไรจากการลงทุน 

การอ่านที่แนะนำ

References: 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *