ค่าเงินที่แพงที่สุดในปี พ.ศ. 2565
สกุลเงินใดมีค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกสำหรับปีพ.ศ. 2565? และถ้าอยากจะเริ่มต้นลงทุนในปีนี้ สกุลเงินใดที่น่าลงทุนที่สุด? มาหาคำตอบได้ในบทความนี้!
ถ้าคุณอยากเริ่มต้นลงทุนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา คุณจะต้องศึกษาว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสกุลเงิน ไปจนถึงสกุลเงินใดที่น่าลงทุนที่สุดเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ในบทความนี้เราได้จัดอันดับ 10 สกุลเงินที่แพงที่สุดในโลก ซึ่งได้แก่ KWD, BHD, OMR, JOD, GBP, KYD, CHF, EUR, USD และ CAD อีกทั้งยังรวบรวมลิสต์ของสกุลเงินที่ทรงพลังที่สุดในโลกและคู่สกุลเงินที่นิยมซื้อขายกันด้วย
นอกจากนี้เราได้แนะนำวิธีเริ่มต้นเทรด Forex สำหรับนักลงทุนมือใหม่ใน 3 ขั้นตอน พร้อมข้อมูลอื่นๆ ที่คุณควรรู้ อ่านต่อในบทความเลย!
Key Takeaways
- มูลค่าของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรานั้นขึ้นกับหลายปัจจัย ได้แก่ สภาพเศรษฐกิจ ข่าวการเมืองและเหตุการณ์สำคัญในประเทศ อัตราดอกเบี้ย GDP และราคาสินค้าในประเทศ
- จัดอันดับ 10 ค่าเงินที่แพงที่สุดในปี พ.ศ. 2565 โดยใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินเปรียบเทียบ ได้แก่ KWD, BHD, OMR, JOD, GBP, KYD, CHF, EUR, USD และ CAD
- สกุลเงินที่ทรงพลังที่สุดในโลก ได้แก่ USD, EUR, JPY, GBP และ AUD โดยพิจารณาจากปริมาณการซื้อขาย สกุลเงินสำรอง และความสำคัญกับตลาดการเงินของโลก
- การเทรดคู่ Forex คือ การซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่าง 2 สกุลเงิน ซึ่งมีข้อดีที่สามารถเริ่มต้นเทรดด้วยเงินทุนไม่มาก มีสภาพคล่องสูง อีกทั้งยังมีคู่สกุลเงินให้เลือกหลากหลาย
- เทรด Forex ได้ง่ายๆ และปลอดภัยกับโบรกเกอร์ Mitrade ซึ่งไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการเทรด สามารถใช้เลเวอเรจได้ แพลตฟอร์มการเทรดใช้งานง่าย และมีฝ่ายบริการลูกค้าที่เป็นมืออาชีพ
ปีพ.ศ. 2565 เป็นปีที่โลกต้องเผชิญกับวิกฤตมากมาย ทั้งการระบาดของ Covide-19, อัตราเงินเฟ้อ และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินต่างๆ ทั่วโลก นักลงทุนหลายๆ คนอาจจะกำลังตั้งคำถามว่า ในปีพ.ศ. 2565 นี้มีสกุลเงินใดบ้างที่น่าลงทุน? บทความนี้เราได้จัดอันดับ 10 ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก พร้อมข้อมูลอื่นๆ ที่คุณควรรู้ ไปดูกันเลย!
อะไรส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา?
ก่อนอื่นคุณควรรู้ว่ามูลค่าของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรานั้นขึ้นกับหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งในส่วนนี้เราได้สรุปออกมาเป็น 5 ข้อหลักๆ ดังต่อไปนี้
1. สภาพเศรษฐกิจ
สภาพเศรษฐกิจส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงินอย่างมาก ราคามักจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไปจนถึงถึงอัตราเงินเฟ้อ โดยข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เหล่านี้จะแสดงถึงสุขภาพการเงินของแต่ละประเทศ และถูกนำมาใช้ในการเปรียบเทียบระหว่างประเทศหนึ่งกับประเทศอื่นๆ
2. ข่าวการเมืองและเหตุการณ์สำคัญในประเทศ
เหตุการณ์การเมืองต่างๆ เช่น การเลือกตั้ง ล้วนส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศ รวมไปถึงมูลค่าของสกุลเงินด้วย ดังนั้นนักเทรด Forex จึงต้องติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องเพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจในระดับประเทศ
3. อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่มีผลต่อตลาด Forex การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยสามารถกำหนดผลลัพธ์ของการซื้อขายได้ สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงจะมีโอกาสถูกซื้อขายในตลาดมากขึ้น
4. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หมายถึง มูลค่าของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตในประเทศ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง หรือสามารถกล่าวได้ว่า GDP สามารถใช้ประเมินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศได้ นี่เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เทรดเดอร์ต้องตรวจสอบก่อนซื้อขายคู่สกุลเงินใดๆ
5. ราคาสินค้าในประเทศ
ราคาของสินค้าส่งผลกระทบต่อราคาของบางสกุลเงินในลักษณะที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นสามารถส่งผลเสียต่อสกุลเงิน USD และ JPY ได้ เนื่องจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลดีต่อประเทศที่ผลิตน้ำมันได้ด้วยตนเอง
ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก 10 อันดับแรก
การจัดอันดับค่าเงินที่แพงที่สุดพิจารณาจากปริมาณสินค้าและบริการที่สามารถซื้อได้ และปริมาณของสกุลเงินต่างประเทศที่ได้รับเมื่อแลกกับหนึ่งหน่วยของสกุลเงินประจำชาติ โดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะถูกใช้เป็นสกุลเงินพื้นฐาน เนื่องจากมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก อีกทั้งธนาคารในหลายประเทศก็ใช้เป็นเงินทุนสำรองด้วย
เรามาเริ่มจากสกุลเงินที่แพงที่สุดอันดับที่ 1 กันเลย
1. Kuwaiti Dinar (KWD) – 1 KWD = 3.27 USD
คูเวตเป็นประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุด นั่นคือสกุลเงินคูเวตดีนาร์ (KWD) คูเวตตั้งอยู่บนอ่าวเปอร์เซีย โดยได้รับรายได้มากกว่า 80% จากอุตสาหกรรมน้ำมันทั่วโลก ซึ่งประเทศคู่ค้ารายใหญ่คือสหรัฐอเมริกา ทำให้คูเวตมีเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นทุนสำรองสกุลเงินของตนจำนวนมาก นอกจากนี้คูเวตดีนาร์ยังถูกตรึงราคาไว้กับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2550 ด้วย
อย่างไรก็ตามคูเวตดีนาร์ไม่ได้มีการให้บริการซื้อขายสกุลเงินในวงกว้าง ความเสถียรของสกุลเงินทำให้ผลตอบแทนจากการซื้อขายค่อนข้างต่ำหลังจากคิดค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่นแล้ว
2. Bahraini Dinar (BHD) – 1 BHD = 2.65 USD
บาห์เรนตั้งอยู่บนอ่าวเปอร์เซียและเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ ประเทศยังได้ตรึงสกุลเงินของตนไว้กับดอลลาร์สหรัฐที่ 2.6008 ตั้งแต่เมื่อปี 2529 ทำให้บาห์เรนดีนาร์ (BHD) เป็นสกุลเงินที่มีมูลค่าสูง
3. Omani Rial (OMR) – 1 OMR = 2.67 USD
เรียลโอมาน (OMR) มีมูลค่าสูงเป็นผลมาจากการผลิตปิโตรเลียมที่แข็งแกร่งของประเทศ นอกจากนี้ทั้งโอมานและเยเมนยังมีส่วนปลายของคาบสมุทรอาหรับเดียวกัน ซึ่งเยเมนนั้นเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ด้วย
4. Jordanian Dinar (JOD) – 1 JOD = 1.41 USD
ดีนาร์จอร์แดน (JOD) อยู่ในลิสต์ค่าเงินที่แพงที่สุดอันดับที่ 4 เป็นผลมาจากประเทศจอร์แดนพยายามดิ้นรนเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตในขณะที่ประเทศมีหนี้สินจำนวนมาก อีกทั้งการส่งออกของจอร์แดนก็มีการแข่งขันไม่สูงนัก อย่างไรก็ตาม จากการที่จอร์แดนสามารถตรึงสกุลเงินของตนกับดอลลาร์สหรัฐไว้ได้ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทำให้ดีนาร์จอร์แดนยังคงมีความมั่นคงแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะย่ำแย่ก็ตาม
5. Pound Sterling (GBP) – 1 GBP = 1.23 USD
ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) คือสกุลเงินอย่างเป็นทางการของสหราชอาณาจักรและดินแดนในโพ้นทะเลอีกหลายแห่ง สกุลเงินปอนด์มีมูลค่าสูงกว่าดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างต่ำของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเมื่ออังกฤษสูญเสียการยึดครองเศรษฐกิจโลก มูลค่าของเงินปอนด์จึงอ่อนค่าลง
6. Cayman Islands Dollar (KYD) – 1 KYD = 1.20 USD
ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน (KYD) อาจจะไม่ใช่สกุลเงินที่คนทั่วไปคุ้นเคยกัน แต่สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจอยู่ในโพ้นทะเลของอังกฤษต่างรู้จักกันดี เพราะหมู่เกาะเคย์แมนให้ใบอนุญาตการธนาคารนอกอาณาเขตแก่บริษัทหลายพันแห่ง นอกจากนี้ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมนยังเป็นหนึ่งในสามสกุลเงินที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเป็นดอลลาร์สหรัฐแบบคงที่
7. Swiss Franc (CHF) – 1 CHF = 1.06 USD
ฟรังก์สวิส (CHF) เป็นสกุลเงินสำรองที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากความมั่นคงและความมั่งคั่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติอะไรขึ้นในโลก ฟรังก์สวิสมีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นจึงมีความต้องการใช้เงินสกุลนี้เป็นจำนวนมาก
8. Euro (EUR) – 1 EUR = 1.03 USD
สกุลเงินยูโร (EUR) ถูกใช้เป็นสกุลเงินสำรองมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และยูโรยังเป็นสกุลเงินทางการของสหภาพยุโรปด้วย ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของ 27 ประเทศในสหภาพยุโรปไม่เพียงแค่ทำให้ค่าเงินยูโรมีเสถียรภาพ แต่ยังมีมูลค่ามากอีกด้วย
9. United States Dollar (USD)
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) คือ สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก และเป็นแหล่งสำรองของรัฐบาลกลางส่วนใหญ่ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก นั่นทำให้ผู้คนต่างสนใจที่จะซื้อขายและถือเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นจำนวนมาก
10. Canadian Dollar (CAD) – 1 CAD = 0.78 USD
ดอลลาร์แคนาดา (CAD) คือ สกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน มูลค่าของดอลลาร์แคนาดามีผลมาจากความมั่งคั่งของทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ ทั้งน้ำมันดิบและยูเรเนียม อย่างไรก็ตามมูลค่าของมันยังขึ้นอยู่กับดอลลาร์สหรัฐด้วยอย่างมาก เนื่องจากการค้าส่วนใหญ่ของประเทศแคนาดาทำกับสหรัฐอเมริกาประเทศเพื่อนบ้านนั่นเอง
สรุปสกุลเงินที่แพงที่สุดในโลก
จากข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ 2565 สามารถจัดอันดับสกุลเงินที่แพงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้ดังนี้
อันดับ 1 Kuwaiti Dinar (KWD) มูลค่า 1 KWD = 3.27 USD
อันดับ 2 Bahraini Dinar (BHD) มูลค่า 1 BHD = 2.65 USD
อันดับ 3 Omani Rial (OMR) มูลค่า 1 OMR = 2.67 USD
อันดับ 4 Jordanian Dinar (JOD) มูลค่า 1 JOD = 1.41 USD
อันดับ 5 Pound Sterling (GBP) มูลค่า 1 GBP = 1.23 USD
อันดับ 6 Cayman Islands Dollar (KYD) มูลค่า 1 KYD = 1.20 USD
อันดับ 7 Swiss Franc (CHF) มูลค่า 1 CHF = 1.06 USD
อันดับ 8 Euro (EUR) มูลค่า 1 EUR = 1.03 USD
อันดับ 9 United States Dollar (USD)
อันดับ 10 Canadian Dollar (CAD) มูลค่า 1 CAD = 0.78 USD
มูลค่าของสกุลเงินมีผลมาจากการค้าระหว่างประเทศค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกับสหรัฐอเมริกา จะเห็นได้จากประเทศ 3 อันดับแรกในลิสต์ ได้แก่ คูเวต บาห์เรน และโอมานที่มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออกน้ำมันดิบ นอกจากนี้ยังมีการตรึงสกุลเงินของประเทศกับดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย
อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลกับมูลค่าของสกุลเงินคือ ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ ตัวอย่างเช่น ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) ของสหราชอาณาจักร ฟรังก์สวิส (CHF) ของสวิตเซอร์แลนด์ หรือยูโร (EUR) ของสหภาพยุโรป
สกุลเงินที่ทรงพลังที่สุดในโลกคืออะไร?
นอกเหนือจากการจัดอันดับค่าเงินที่แพงที่สุดโลกแล้ว ส่วนต่อมาเราจะสรุป 5 สกุลเงินที่ทรงพลังที่สุด พร้อมเหตุผลที่ทำให้สกุลเงินเหล่านี้ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลกับโลก
1. United States Dollar (USD)
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก และเป็นสกุลเงินสำรองซึ่งถือโดยธนาคารกลางแทบทุกแห่งในโลก นอกจากนี้ยังมีความสำคัญในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพราะทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัด (Benchmark) สำหรับสกุลเงินอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ดอลลาร์สหรัฐจะส่งอิทธิพลอย่างมากกับเศรษฐกิจโลก
2. Euro (EUR)
นอกเหนือจากการเป็นสกุลเงินทางการสำหรับประเทศในยุโรปส่วนใหญ่แล้ว หลายๆ ประเทศยังตรึงสกุลเงินของตนเป็นเงินยูโรอีกด้วย เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้เงินยูโรเป็นสกุลเงินสำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
3. Japanese Yen (JPY)
เงินสกุลเยนของญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินในประเทศแถบเอเชียที่สามารถซื้อขายได้ง่ายที่สุด และหลายๆ คนมองว่าเงินเยนเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งในการผลิตของญี่ปุ่นด้วย
4. Pound Sterling (GBP)
เนื่องจากเงินปอนด์มีมูลค่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นทั่วโลก สกุลเงินนี้จึงถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสกุลเงินที่สำคัญ และเป็นสกุลเงินสำรองขนาดใหญ่ในหลายประเทศ
5. Australian Dollar (AUD)
ดอลลาร์ออสเตรเลียคือหนึ่งในสกุลเงินหลักของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และถือว่าเป็นหนึ่งในสกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญที่สุด นั่นหมายความว่ามูลค่าของสกุลเงินจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในการส่งออกของออสเตรเลียโดยตรง
สกุลเงินที่ดีที่สุดในการลงทุนคืออะไร?
ถ้าคุณสนใจที่จะลงทุนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน คำถามที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะถามกันคือ สกุลเงินใดที่ดีที่สุดในการลงทุน? โดยเฉพาะในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่มีสกุลเงินต่างๆ ให้เลือกนับไม่ถ้วน ซึ่งสกุลเงินที่ได้รับความนิยมในตลาด ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), ดอลลาร์แคนาดา (CAD), เยน ญี่ปุ่น (JPY), ปอนด์ อังกฤษ (GBP), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD), ฟรังก์สวิส (CHF) และหยวน จีน (CNY)
อย่างไรก็ตามคุณควรรู้ก่อนว่าสกุลเงินจะต้องซื้อขายเป็นคู่เสมอ เพราะเมื่อคุณซื้อหรือขายสกุลเงินหนึ่ง คุณจะขายหรือซื้ออีกสกุลเงินหนึ่งโดยอัตโนมัติ สำหรับคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก 10 คู่มีดังนี้
1. EUR/USD (Euro/US dollar)
2. USD/JPY (US dollar/Japanese yen)
3. GBP/USD (British pound/US dollar)
4. AUD/USD (Australian dollar/US dollar)
5. USD/CAD (US dollar/Canadian dollar)
6. USD/CNY (US dollar/Chinese renminbi)
7. USD/CHF (US dollar/Swiss franc)
8. USD/HKD (US dollar/Hong Kong dollar)
9. EUR/GBP (Euro/British pound)
10. USD/KRW (US dollar/South Korean won)
คู่สกุลเงินทั้ง 10 คู่นี้ได้รับความนิยมในการซื้อขาย ทำให้มีสภาพคล่องสูงและค่าสเปรดในการซื้อขายแคบ จึงเป็นคู่สกุลเงินหลักของนักลงทุนทั่วโลก อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพในประเทศด้วย
เทรด Forex กับ Mitrade
การเทรดคู่ Forex
การเทรด Forex คือ การซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่าง 2 สกุลเงิน หรือที่เรียกว่า “คู่สกุลเงิน” ประกอบด้วยสกุลเงินตั้งต้น (Base currency) ซึ่งเป็นสกุลเงินลำดับแรกในคู่สกุลเงิน และสกุลเงินอ้างอิง(Quote currency) เป็นสกุลเงินอันดับสอง
ข้อดีในการเทรด Forex
การเทรด Forex เป็นรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมสูง และยังเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย เรามาดูกันว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้นักลงทุนมากมายเลือกลงทุนในตลาด Forex
1. สามารถเริ่มต้นเทรดด้วยเงินทุนไม่มาก
การเทรด Forex อาจมีต้นทุนที่ต่ำมากทั้งค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์และค่าคอมมิชชั่น โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่ทำกำไรจากค่าสเปรดระหว่างสกุลเงิน ซึ่งถือว่าไม่มากโดยเฉพาะหากคุณเลือกเทรดคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยม
2. มีสภาพคล่องสูง
ตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายรายวันที่ใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดการเงินอื่นๆ ดังนั้นจึงมีสภาพคล่องในระดับสูงสุด นั่นหมายความว่าปริมาณการเทรดที่ใหญ่ก็สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีการเบี่ยงเบนราคามาก
3. คู่สกุลเงินมีให้เลือกหลากหลาย
คู่สกุลเงินหลักมีจำนวนกว่า 28 คู่สกุลเงินหลัก นอกจากนี้ยังมีคู่สกุลเงินอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย โดยเทรดเดอร์สามารถเปลี่ยนจากคู่สกุลเงินหนึ่งเป็นอีกคู่หนึ่งได้อย่างง่ายดายด้วย
ขั้นตอนการเทรด
คุณสามารถเริ่มต้นเทรด Forex ได้ใน 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เลือกคู่สกุลเงินที่จะเทรด
คุณควรพิจารณาคู่สกุลเงินจากหลายปัจจัย เช่น สภาวะเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย หรือมูลค่าของสกุลเงินในประเทศนั้น ซึ่งสกุลเงินที่เราแนะนำคือสกุลเงินที่มีอิทธิพลและได้รับความนิยม
2. เปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์
โบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างลูกค้ากับตลาด Forex คุณควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ ให้บริการสกุลเงินที่คุณต้องการซื้อขาย ไปจนถึงมีฝ่ายดูแลลูกค้าที่ดี
3. เริ่มต้นเทรดด้วยเลเวอเรจและมาร์จิ้น
เลเวอเรจและมาร์จิ้นจะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้มากขึ้นด้วยเงินทุนเริ่มต้นไม่มาก และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่คุณควรใช้อย่างรอบคอบ เพราะมันสามารถทำให้คุณขาดทุนมากขึ้นด้วยเช่นกัน
พร้อมเริ่มต้นเทรด Forex แล้วหรือยัง? เปิดบัญชีเทรดและฝากเงินกับโบรกเกอร์ Mitrade ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ออนไลน์สัญชาติออสเตรเลียที่มีความน่าเชื่อถือ โดยก่อตั้งเมื่อปี 2011 ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก Mitrade ให้บริการสินทรัพย์มากกว่า 300 รายการรวมถึงคู่สกุลเงินต่างๆ และมีเครื่องมือเทรดขั้นสูงมากมายสำหรับเทรดเดอร์ และนี่คือเหตุผลที่ทำไมคุณควรเทรดกับ Mitrade
- มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เนื่องจากโบรกเกอร์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยหน่วยงาน ASIC ของออสเตรเลีย, CIMA ของหมู่เกาะเคย์แมน และ FSC ของมอริเชียส นอกจากนี้ยังมีมาตรการแยกเงินทุนของลูกค้าจากของโบรกเกอร์
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ค่าสเปรดในการเทรดต่ำ ไม่มีค่าธรรมเนียมค้างคืน รวมถึงไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากถอนด้วย
- สามารถใช้เลเวอเรจในการเทรด มีความยืดหยุ่น สามารถปรับได้เป็น 1, 2, 5, หรือ 10 เท่า และเลเวอเรจสูงสุดคือ 1:200 จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของนักลงทุน
- ปริมาณในการซื้อขายต่ำ โดยเริ่มต้นเพียง 0.01 lots
- แพลตฟอร์มการเทรดใช้งานง่าย มีเครื่องมือเทรดขั้นสูงมากมาย รองรับทั้งเวอร์ชั่นเว็บเทรดเดอร์และแอพพลิเคชั่นมือถือ พร้อมด้วยระบบควบคุมความเสี่ยง มีฟังก์ชั่น stop loss หรือจำกัดการเทรดให้บริการ
- ฝ่ายบริการลูกค้าเป็นมืออาชีพ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงวันจันทร์ถึงศุกร์ รองรับการใช้งานในประเทศไทย สามารถฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทยได้ง่าย
- มีแหล่งความรู้สนับสนุน เทรดเดอร์สามารถเข้าดูบทวิเคราะห์จาก Mitrade ได้โดยตรง รวมถึงบทความให้ความรู้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ
สรุป
มูลค่าของแต่ละสกุลเงินมีผลมาจากหลายปัจจัย เช่น สภาวะเศรษฐกิจ การเมือง อัตราดอกเบี้ย หรืออัตราเงินเฟ้อ หลังจากที่เราได้เปรียบเทียบสกุลเงินต่างๆ บนโลกโดยใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินพื้นฐาน เราสามารถสรุปค่าเงินที่แพงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Kuwaiti Dinar (KWD), Bahraini Dinar (BHD) และ Omani Rial (OMR)
ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศยังเป็นปัจจัยสำคัญของค่าเงิน เช่น อันดับ 5 Pound Sterling (GBP) อันดับ 7 Swiss Franc (CHF) หรืออันดับ 8 Euro (EUR) อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการลงทุนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา คุณจะต้องพิจารณาอีกหลายๆ ปัจจัย และคุณควรเลือกลงทุนในสกุลเงินที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลกับเศรษฐกิจโลก เพื่อจะได้มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงและสามารถซื้อขายด้วยค่าสเปรดที่แคบ